กับคนที่ได้ชื่อว่านักพูด

กับคนที่ได้ชื่อ ” นักพูด “

นักพูดนั้นแต่ก่อนแต่ไรก็ไม่มีใครขึ้นชื่อตัวเองว่าเป็นนัก……ประเภทนี้
ไม่เหมือนนักการเมือง นักร้อง นักแสดง นักดนตรี นักเขียน
เพราะสมัยก่อนนักพูดไม่ใช่ทำเป็นอาชีพ ไม่เหมือนปัจจุบัน คนจะงง อะไรวะ
เอาไมค์มาตั้งคนพวกนี้ไปยืนพูด ๆๆๆ เดี๋ยวก็ได้ตังค์แล้ว
ลองเอาปริมาณของคนที่ได้ชื่อว่านักพูดมานับดู
จะเห็นว่าไม่เยอะนะครับไม่เหมือนนักร้อง นักแสดง นักการเมือง
เหตุที่ไม่เยอะ เพราะมันยาก เพราะทั้งคิดเอง ทั้งนำเสนอเอง
ถ้าเป็นนักพูดเชิงอารมณ์ขัน บางทีก็มาขำเอง เพราะคนฟังไม่ขำ ผมล่ะบ่อย
ไปบางงาน เจ้าภาพเชิญไปบรรยาย แทนที่จะบอก scope เนื้อหา กลับบอกว่า
” ขอขำ ๆ นะอาจารย์ ”
เลยต้องขอร้องเขาว่า อย่าขำกันมากนักเลย เอาเนื้อหาไปบ้างเหอะ
ผมมาบรรยายนะครับ ขอร้องน่า เอาเนื้อหาไปหน่อย
คนที่ได้ชื่อว่านักพูดนั้น มักจะได้รับคำเรียกว่าอาจารย์
เพราะแทบจะทุกคนที่มีการบรรยายในฐานะวิทยากรให้ความรู้อยู่บ่อยครั้ง
บางคนก็เป็นอาจารย์จริง ๆ คือสอนตามมหาวิทยาลัยหรือโรงเรียน
ผมน่ะยังอ้อมแอ้มเพราะเคยเป็นอาจารย์ก็แค่อาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัย
แถมเคยสอนโรงเรียนก็เป็นโรงเรียนกวดวิชาซะอีก
อาชีพนักพูดเริ่มปรากฎชัดก็เพราะมีรายการ T.V. จากพูดแล้วได้ แก้ว เนกไท
ปากกา ผ้าขนหนู หรือดอกไม้ช่อโต ๆ ก็กลายเป็นได้ตังค์
บางคนบอกอาชีพนักพูดรายได้ดี โถ! จนครับจน เอาล่ะ ๆ
นักพูดผู้มีรายได้สูงสุดในตอนนี้ สู้อาจารย์โรงเรียนกวดวิชาดัง ๆ
ยังไม่ได้เลย
รู้จักอ.ลิลลี่ไหมครับ อดีตเป็นนักพูดจุฬา วันดีคืนดีเปิดโรงเรียนกวดวิชา
สอนภาษาไทย ถามเด็ก ๆ มัธยมปลายดูได้ครับ
ดังมากในหมู่อาจารย์สอนกวดวิชา ผมไม่รู้รายได้เขานะแต่ล่าสุดเห็นขับเบนซ์
ในขณะที่นักพูดอย่างอ.สุรวงศ์ วัฒนกุล ไม่มีรถขับ
เพื่อนของอ.ลิลลี่คนนึงเมื่อก่อนก็เป็นนักพูดเก่า แต่ปัจจุบันดังในวงการอื่น
ไม่มีใครรู้จักเขาในฐานะนักพูดอีก ชื่อสมพล ปิยะพงษ์ศิริ หรือคุณสะมะพล
อีกคนเป็นนักพูดเก่าเหมือนกัน แต่ไม่ได้ทำงานพูดแล้ว
ไปเป็นเซลส์แมนรายได้เดือนละเป็นแสน ๆ
คือใครที่เป็นนักพูดเก่า ๆ เอาวิชาการพูดไปใช้กับอาชีพใหม่
ก็มักจะรวยหรือดังระเบิด แต่ก็ยังฝืนพยายามเป็นนักพูดต่อไป
กว่าจะรวยคงตายพอดี
มันก็เป็นเสียอย่างนี้ล่ะครับ
เอาล่ะ ผมขออาจหาญแบ่งนักพูด โดยยึดเอา ” ภาพลักษณ์ ” เป็นเกณฑ์ในการแบ่ง
ซึ่งอย่าถือเป็นวิชาการอะไรมากมาย แบ่งได้ 6 กลุ่มใหญ่ ดังนี้
1. รุ่นอาวุโส นักพูดรุ่นนี้บ้างล้มหายตายจากไปแล้ว เป็นนักพูดรุ่น “กล่อง”
คือพูดทีนึงได้สมุด หนังสือ ผ้าเช็ดตัว ปัจจุบัน
วงการนักพูดถือเป็นผู้อาวุโสที่เคารพนับถือ
เพราะสร้างตำนานสะเทือนวงการมามากมาย เช่น ดร. นิพนธ์ ศศิธร คุณหญิงเต็มศิริ
บุณยะสิงห์ ไม่ทราบว่า อ.ทินวัฒน์ มฤคพิทักษ์ จะอยู่รุ่นนี้หรือไม่
แต่โดยอาวุโส และผลงาน น่าจะอยู่ในรุ่นนี้
2. รุ่นใหญ่ เป็นนักพูดที่เรียกได้ว่าชื่อเสียง ฝีมือ บารมี แน่นปึ๊ก
โดยมีรายการ T.V.สร้างภาพลักษณ์ให้เป็นที่รู้จักและไม่เป็นที่ลืมเลือนของประชาชน
รุ่นนี้ก็มี ร.ศ.สุขุม นวลสกุล อ.พเยาว์ พัฒนพงษ์ ด.ร.เสรี วงษ์มณฑา อ.จตุพล ชมพูนิช
อ.อภิชาติ ดำดี อ.เสน่ห์ ศรีสุวรรณ อ.แม่ ร.ศ.สุนีย์ สินธุเดชะ อ.สุรวงศ์
วัฒนกุล อ.ผาณิต กันตามระ
3. รุ่นกลาง เป็นนักพูดที่มีภาพลักษณ์จากรายการ T.V. อยู่บ้าง ชื่อเสียง
บารมี เป็นรองรุ่นใหญ่อยู่ พอเอ่ยชื่ออาจต้องเท้าความกันนานนิดนึงแต่ก็พอคุ้น
ๆ หน้าบ้าง รุ่นนี้ส่วนใหญ่อายุยังไม่มาก ยังพอสั่งสมบารมีได้อีกนาน
ยังเป็นนักพูดสไตล์ “หางาน” ไม่ใช่ “งานหา” แบบรุ่นใหญ่
บางคนยังจนอยู่ต้องมาทำเวบ อย่างผมเป็นต้น เช่น อ.สมชาย หนองฮี , อ.รัชเขต
วีสเพ็ญ ,อ.ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล ,อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาส ,อ.รัชกร ศิริพันธุเกตุ
อ.สมภาคย์ ชูโชติ อาจไม่คุ้นชื่อ เปิดทีวีพบหน้าอาจจะยังพอจำได้
ไม่ร้องอ๋อแบบรุ่นใหญ่ มีคนนึง อ.โอภาส กิจกำแหง โดยอายุถือเป็นรุ่นกลาง
แต่โดยภาพลักษณ์ฝีมือ เทียบชั้นรุ่นใหญ่สบาย ๆ อีกคนคนนี้มาแปลกพูดได้ เล่น
ดนตรีได้ เกิดจากนักขายย้ายเป็นนักพูด ตัวกลมอารมณ์ดี อ.โชติพัฒน์ วชิรไพบูลย์สุข
4. รุ่นเล็ก รุ่นนี้เติบโตมาจากรายการโต้คารมมัธยมศึกษา
คือพูดออกทีวีตั้งแต่มัธยม ปัจจุบันทำงานทำการกันไปหมดแล้ว อาจจะเหลือเรียน ๆ
อยู่บ้างนิด ๆ หน่อย ๆ ในวงการเรียกกลุ่มนี้ว่า
“เด็กโต้คารม ” ถ้าอย่างนี้ร้องอ๋อ หลายคนยังอยู่ในวงการไม่ไปไหน
ผมเลยเรียกพวกที่ยังเหลือ ๆ นี่ว่า รุ่นเล็ก เอ่ยชื่อพอจะจำ ๆ กันได้ก็มี
,เสนาลิง สมเกียรติ จันทร์พราหมณ์ , อ.ทุเรียน สุพจน์
พงษ์พันธุ์เจริญ ,อ.สุริยัน หงษ์วิไล มีไปเป็นมิสเอ็ปสันยังอยู่คนคือ เหมียว
มรกต อัมพรพิศุทธิ์เลิศ เป็นดีเจรายการร่วมด้วยช่วยกันอยู่คนนึง คือ อรอุมา
เกษตรพืชผล อยู่ในนี้คนนึงคือ รชยา สิงห์สมาน ( พรเพ็ญ ทองไล้ )
5. ยอดฝีมือผู้เร้นกาย ยังมีนักพูดอีกมากครับ ที่ไม่ปรากฎภาพลักษณ์ทางทีวี
แต่มีชื่อเสียงเฉพาะกลุ่ม บางคนถ้าเอ่ยชื่อจะร้องอ๋อ แต่ก็ไม่แสดงออกฝีมือในภาพกว้าง
แทบจะทุกคนเป็นนักพูด บางท่านก็เป็นครู อาจารย์ และมีอาชีพอื่นอยู่ด้วย ฝีไม้ลายมือ
เทียบชั้นรุ่นใหญ่ได้สบาย ๆ ยกตัวอย่าง อ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน และ อ.ดำรง ใจสมคม
ยอดฝีมือ กิจกรรม และ บรรยาย ที่ มสธ. อ.สุกิจ บำรุง ท่านนี้มีภาพกว้างในจ.ระยองมาก
รวมถึงนักพูดประจำ หน่วยงาน ตำบล อำเภอ จังหวัดฯ เยอะจัง
6. นักพูดสถานศึกษา กลุ่มนี้เป็นนักพูดที่ยังเรียนอยู่ในโรงเรียน
หรือมหาวิทยาลัย นักพูดกลุ่มที่ผ่านมาส่วนใหญ่มาจากสถานศึกษานี่ทั้งนั้น
ทั้งหมดนี้ คงพอจะให้ “ภาพ” ของสังคมนักพูดได้บ้างนะครับ ในความรู้สึกจริง ๆ
แล้ว “นักพูด” มีมากกว่า “นักทอล์คโชว์” แต่ในบ้านเมืองเรา คนจะเข้าใจว่า
“นักทอล์คโชว์” กับ “นักพูด” คือคน ๆ เดียวกัน
การพูดมีหลายแบบ เวบนี้จะให้ความหมายของ “นักพูด”
กว้างกว่านักทอล์คโชว์นะครับ ดังนั้น ทุกคนเป็นนักพูดได้หมด ขอให้มีปาก
มีการเรียบเรียงและพูดส่งผลในเชิงวัตถุประสงค์ตลอดจนคุณค่าที่ชัดเจน
เอ..คนที่พูดผ่านเวบ นี่เป็นนักพูดได้หรือเปล่า เมล์มาบอกกันหน่อยเหอะ..

Facebook Comments